vimarsana.com


การพัฒนาหลังโควิด
****************
แม้ผมจะไม่ชอบรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วยมีอคติว่าเป็นฉบับ ที่คณะรัฐประหารหยิบยื่นให้ แต่ก็ยอมรับว่ามีหลักการดี ๆ เขียนไว้หลายแห่ง แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจนำมาใช้ หลักการที่ไม่เข้าท่าก็มีเหมือนกัน แต่ที่นำมาใช้บ่อยคือบทบัญญัติที่นำมาชิงไหวชิงพริบ เพื่อความได้เปรียบทางการเมือง ขอยกเรื่องระบบเศรษฐกิจที่บัญญัติไว้ในมาตรา 75 เฉพาะวรรคสี่มาเป็นตัวอย่างดังนี้
“ในการพัฒนาประเทศ รัฐพึงคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุกับการพัฒนาด้านจิตใจ และความอยู่เย็นเป็นสุขของประชชนประกอบกัน”
ในขณะนี้ โลกเผชิญกับไวรัสโควิด ที่ระบาดรอบแล้วรอบเล่า ล่าสุดเป็นการระบาดที่รุนแรงของสายพันธุ์เดลตา การผลิตวัคซีนใหม่มาสู้กับสายพันธุ์ใหม่ให้ทันกาลได้หรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือ คนที่อยู่ในประเทศที่ขาดแคลนวัคซีน จะหวังในทานบารมี (generosity) ของประเทศที่มีวัคซีนจำนวนมากไม่ค่อยได้ นับเป็นบทเรียนสำคัญเพื่อที่จะสร้างสังคมไทยให้เข้มแข็ง เพื่อจะรับมือกับวิกฤตโควิดและปัญหาหลังโควิด โดยพึ่งพาตนเองมากกว่าคอยพึ่งพาผู้อื่น แต่มิได้หมายความว่าให้ปิดตัวลง หากควรเปิดกว้างด้วยทัศนะว่า มีปัญหาก็แก้โดยอุปายโกศล (ความฉลาด) มีโอกาสก็เปิดรับด้วยปัญญา
มาตรา 75 วรรคสองที่ยกมาอ้างข้างต้น บัญญัติว่ารัฐมีหน้าที่พัฒนาจิตใจ ส่วนในมาตรา 67 เรื่องการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนา ก็มีบทบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาจิตใจไว้เช่นกัน แต่เป็นในมุมแคบ โดยบัญญัติไว้ในวรรคสองว่า
“... รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและเผยแพร่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา...”
แม้มาตรา 67 จะเปิดกว้างคือ บัญญัติว่า
“รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น”
แต่พอกล่าวถึงการส่งเสริมและสนับสนุน กับระบุพระพุทธศาสนาเถรวาทเท่านั้น น่าเสียดายที่ได้ละเลยพุทธศาสนามหายาน (และศาสนาอื่น) ที่จะเป็นเส้นทางการพัฒนาจิตใจตามปณิธานของมาตรา 75 ได้อย่างดีอีกเส้นทางหนึ่ง
ในการสังคายนาครั้งที่ 3 (บางคนนับเป็นครั้งที่ 2) ซึ่งนักประวัติศาสตร์เห็นว่าน่าจะเกิดขึ้นที่เมืองปาฏลีบุตร แต่เห็นไม่ตรงกันว่าเกิดขึ้นเมื่อไร (ในพุทธศควรรษที่สามหรือสี่) และผลเป็นอย่างไร
ตำนานหนึ่งเล่าว่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่งนามว่า มหาเทวะ เสนอว่าพระอรหันต์ยังมีความเป็นปุถุชนอยู่ 5 ประการคือ อาจถูกมารยั่วยวนในความฝันจนอสุจิเคลื่อนได้, ยังขจัดอวิชชาไม่หมดสิ้น, ยังมีความกังขาได้, บรรลุมรรคผลเมื่อได้รับการพยากรณ์จากผู้อื่น, และบรรลุมรรคผลเมื่อท่องมนตราระหว่างบำเพ็ญเพียร ฝ่ายสงฆ์ข้างน้อยในการสังคายนาไม่เห็นด้วยกับมหาเทวะ จึงรวมกันเป็นสถาวิระนิกายหรือนิกายของผู้สูงอายุ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นนิกายเถรวาท ส่วนฝ่ายมหาเทวะซึ่งมีจำนวนมากกว่ารวมตัวกันเป็นมหาสังฆิตานิกาย ซึ่งพัฒนาเป็นนิกายมหายานในประมาณพุทธศตวรรษที่ 5
อุดมคติของมหายานคือการบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อที่จะได้ช่วยปลดเปลื้องทุกข์ของสตว์โลกได้กว้างขวาง พระโพธิสัตว์หมายถึงผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แต่มีปณิธานที่จะไม่เข้าสู่นิพพาน หากยังอยู่ในสังสารวัฏเพราะยังต้องช่วยเหลือผู้อื่น
ฝ่ายมหายานย่อทศบารมีของฝ่ายเถรวาทลงเหลือ 6 ประการคือ ทานกับศีลซึ่งเป็นคู่ปรับทำลายกิเลสคือ โลภะ ขันติกับวิริยะซึ่งเป็นคู่ปรับทำลายกิเลสคือโทสะ และฌานกับปัญญาซึ่งเป็นคู่ปรับทำลายกิเลสคือ โมหะ
ที่น่าสนใจคือคำแปลของบารมี 6 เป็นภาษาอังกฤษดังนี้ ทาน แปลว่า generosity ซึ่งมีนัยเป็นการให้ระหว่างคนที่เสมอกันในศักดิ์ศรี ไม่ใช่เพียงคนมั่งมีให้คนยากจน ศีล แปลว่า discipline ซึ่งมีนัยเป็นการปฏิบัติต่อกันด้วยดีในหมู่คณะ ไม่ใช่เพียงการควบคุมความประพฤติเพื่อสะสมบารมีส่วนบุคคล
ขันติ แปลว่า tolerance ซึ่งมีนัยเป็นการทนรับความแตกต่างหลากหลาย ไม่ใช่เพียงการอดทนอดกลั้น วิริยะ แปลว่า energy ซึ่งมีนัยเป็นพลังที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแข็งขัน ไม่ใช่เพียงความพากเพียรพยายามสู่มรรคผล ฌาน แปลว่า contemplation ซึ่งมีนัยทั้งวิปัสสนาและสมถะ และ ปัญญา แปลว่า insight ซึ่งมีนัยทั้งปรีชาญาณและญาณทัศนะ ผมคิดว่าการแปลเป็นภาษาอังกฤษช่วยเปิดมุมมองไปเป็นแบบมหายานที่กว้างขึ้น เพราะการใช้คำบาลีหรือสันสกฤตมักทำให้ติดอยู่กับการตีความหมายแบบเถรวาทที่เราคุ้นเคย
1)มหาปรัชญา คือปัญญาที่ยิ่งใหญ่เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในกองกิเลส
2)มหากรุณา คือความพร้อมที่จะสละตนเองเพื่อช่วยสัตว์ให้พ้นทุกข์
3)มหาอุปาย คือวิธีการอันชาญฉลาดที่จะเข้าถึงผู้อื่นตามจริตหรืออินทรีย์ของผู้นั้น
พระสูตรแรก ๆ ที่เขียนในพุทธศตวรรษที่เจ็ดโดยประมาณนั้น เขียนขึ้นเพื่อสรุปคำสอนของฝ่ายมหายาน ส่วนหนึ่งเพื่อโต้แย้งฝ่ายสาวกวาทหรือเถรวาท พระสูตรนี้มีชื่อว่า
“วิมลเกียรตินิเทสสูตร” ซึ่งเสถียร โพธินันทะ เรียบเรียงจากต้นฉบับภาษาจีนที่แปลโดยท่านกุมารชีพ ต่อมามีการค้นพบต้นฉบับภาษาสันสกฤตซึ่งสุทิน นำมาแปลให้วัดโพธิ์แมนคุณาราม ผมได้ใช้หนังสือทั้งสองเล่มในการปะติดปะต่อข้อมูลเกี่ยวกับมหายานที่นำมาเขียนในบทความนี้
ต่อมานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชีวิตในพุทธศตวรรษที่ 7 ชื่อคุรุนาคารชุนได้เขียนหนังสือพุทธปรัชญาเช่น มูลมาธยามาการิกา และมหาปรัชญาปารมิตาสูตร ความหนากว่า 2500 หน้า เป็นต้น คุรุนาคารชุนได้วางหลักปรัชญาหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องทางสายกลาง ความว่าง ปฏิจจสมุปบาท และศูนยตาที่คล้ายกับหลักอนัตตา ฯลฯ
ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 9 มีนักปราชญ์ที่เป็นพี่น้องกันสองคนชื่อ คุรุอสังคะและคุรุวสุพันธุ ผู้ให้กำเนิดปรัชญานิกายวิชญาณวาทที่อาจจัดอยู่ในฝ่ายมโนภาพนิยม (idealism) ต่อมาหลักปรัชญาเหล่านี้รวมทั้งคำสอนฝ่ายมหายานได้แพร่หลายสู่ จีน ทิเบต เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้น
ขอย้อนกลับไปสู่ประเด็นในอนาคต ว่าการพัฒนาหลังโควิดควรจะเป็นอย่างไร ในหนังสือ
“พุทธพัฒนา” ซึงมีชื่อรองว่า
“ยุทธศาสตร์การพัฒนาแนวพุทธ” คุณหมอประเวศ วะสีเสนอว่า ความไม่สมดุลของกายและใจหรือความไม่ลงตัวทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง คุณหมอเสนอยุทะศาสตร์ 7 ยุทธศาสตร์ดังนี้
1)การสร้างความสุขฉับพลัน (คล้ายกับเปลี่ยนใจก้ถึงฟากฝั่ง) เราไม่ต้องไปกำหนดรูปแบบการพัฒนาที่ตายตัว เพียงแต่ช่วยเพื่อนมนุษย์ให้คลายทุกข์ (นี่คออุดมคตอของมหายาน) เขาก้จะค่อย ๆ ปรับวิถีชีวิตและวิถีสังคมตามเหตุตามผล (อิทิปปัจจัยตา)
2)ส่งเสริมการเจริญสติ การเจริญสติช่วยให้สุขภาพดี ปัญญาดี
3)ชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนคือระบบที่สมดุลระหว่างคนกับคนและระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม ชุมชนชาวพุทธเรียกได้ว่าสังฆะ เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้แลการเกื้อกูลกัน
4)การจัดการวัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด จัดการให้วัดเป็นสัปปายะสถาน สะอาด สงบ และอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรม และให้วัดทุกวัดสอนวิปัสสนากรรมฐาน
5)การวิจัยและพัฒนาแนวพุทธาการศึกษาพุทธธรรม ให้คนจำนวนมากเข้าถึงความจริงตามธรรมชาติ อันเป็นหัวใจของการพัฒนาอันเป็นหัวใจของการพัฒนแนวพุทธ
6)การพัฒนาปัญญาเชิงระบบ และการจัดการ รวมทั้งนโยบายสาธารณะ พัฒนาการจัดการให้มีลักษณะบูรณาการและเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะระบบราชการให้มีระบบการจัดการเพื่อผลสัมฤทธิ์ (มิใช่เช้าชามเย็นชาม หรือรอเจ้านายสั่ง) สร้างความรู้ให้รอยต่อของระบบมีความเชื่อมโยงกันไปสู่ความสำเร็จ และเปิดกว้างสู่การมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายสาธารณะ (เลิกเชื่อว่าผู้นำรวมศูนย์สามารถสร้างเอกภาพและประสิทธิผล)
7)พัฒนาเครือข่ายชาวพุทธ เชื่อมโยงบุคคลเป้นกลุ่ม และกลุ่มเป็ยเครือข่าย สังคมเตรือข่ายคล้ายสมอง มีการเรียนรู้สูง และอุดมปัญญา
คงมีแนวพัฒนาอื่น ๆ อีก เห็นมีหลายกกลุ่มที่พูดถึงการสร้างไทย การพัฒนาอนาคต ฯลฯ แต่เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นชาวพุทธ ที่ปฏิบัติบ้างไม่ปฏิบัติบ้าง การพัฒนาหลังโควิดควรหวนกลับมาที่ความเข็มแข็งที่เป็นทุนเดิมของสังคม และให้อุดมคติชาวุทธ โดยเฉพาะอุดมคติโพธิสัตว์ของมหายาน เพื่อเดินหน้าต่อไปด้วยกัน อย่างมีอุปายโกศล
************

Related Keywords

China ,Japan ,Patna ,Bihar ,India ,Thailand ,Bali ,Zhejiang ,Prawet ,Krung Thep Mahanakhon ,Dhaka ,Bangladesh , ,Society To Thailand ,Alcoa David ,Alcoa Bangkok Arena ,Mahax Reds ,Bible Saint ,Bali Or Sanskrit ,Bible Bodhisattva ,Phot Noonan ,English China ,Pediatric Retirement ,English Sanskrit ,Temple Bodhi Tree Man Marcus ,Guru Nagar Shun ,Yamaha Ravens Rick ,Nagar Shun ,Sargsyan Mugabe ,Guru Vasu ,China Tibet Korea Japan ,Prawet Reds ,Hall Temple ,Dhakar Education Buddhist ,Policy Public Developmental ,Policy Public ,சீனா ,ஜப்பான் ,பாட்னா ,பிஹார் ,இந்தியா ,தாய்லாந்து ,பாலி ,ஜெஜியாங் ,டாக்கா ,பங்களாதேஷ் ,ஆங்கிலம் சீனா ,அனைத்தும் கோயில் ,

© 2025 Vimarsana

vimarsana.com © 2020. All Rights Reserved.