vimarsana.com


แบงก์กำไร Q2 โตเกิน 3 หมื่นล้าน ไอพีโอ TIDLOR หนุน-พักหนี้ส่อดาวน์ไซด์
วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 - 08:44 น.
กำไรแบงก์ Q2/64 โต เหตุมีกำไรพิเศษของ BAY จากการขายไอพีโอ “เงินติดล้อ” ราว 7 พันล้านบาท “บล.กสิกรไทย” ชี้ภาพรวม “NIM ยังหด-ค่าฟีหน้าสาขาวูบ-ตั้งสำรองยังสูง-เอ็นพีแอลเพิ่ม” เก็ง KKP กำไรเด่นสุด โกยรายได้ธุรกิจโบรกเกอร์-วาณิชธนกิจ คาดกำไรแบงก์ทั้งปีฟื้นแตะ 1.3 แสนล้านบาท โต 24%จากปีก่อน ชี้ปัจจัยพักชำระหนี้ 2 เดือนอาจฉุดกำไรลดลง 6-7 พันล้านบาท ด้าน “บล.ยูโอบีฯ” ชี้ครึ่งปีหลังทยอยสะสมหุ้นแบงก์ได้
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) ในไตรมาส 2/2564 คำนวณจากทั้งหมด 7 แบงก์ (ไม่รวมธนาคารกสิกรไทย) คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 34,030 ล้านบาท ลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) แต่เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY)
อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 2 นี้มีกำไรพิเศษของธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประมาณ 7,000 ล้านบาท จากการขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นการทั่วไปครั้งแรก (ไอพีโอ) บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งถ้าไม่นับกำไรดังกล่าวจะส่งผลให้กำไรกลุ่มแบงก์ไตรมาส 2 ลดลงกว่า 22% จากไตรมาสแรก
ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันกำไรแบงก์หลัก ๆ มาจาก 1.ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลง 0.1% จากไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 2.56% 2.รายได้ค่าธรรมเนียมเห็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากการใช้บริการหน้าสาขาที่ลดลง ซึ่งประเมินไตรมาส 2 นี้คาดจะอยู่ที่ 39,600 ล้านบาท ลดลง 8.97% จากไตรมาสแรก และในไตรมาส 3 จะลดลงอีก 1.52% จากไตรมาส 2 เหลืออยู่ที่ 39,000 ล้านบาท
3.เห็นการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นแทบทุกแบงก์ ประเมินต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อ (credit cost) อยู่ในโซนสูง คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ที่ต้องตั้งสำรองสูงระดับ 180-190 Bps เทียบกับค่าเฉลี่ยในกลุ่มไตรมาส 2 อยู่ที่ 165 Bps คิดเป็นมูลค่าการตั้งสำรองรวมประมาณ 44,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2564 แต่ลดลงจากไตรมาส 2/2563 ที่ตั้งสำรองสูงถึง 52,000 ล้านบาทจากผลกระทบโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ภาพรวมคาดว่าจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4.2% จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.9% และแนวโน้มยังเป็นขาขึ้นต่อไตรมาสละ 20-30 Bps คาดสิ้นปีเอ็นพีแอลจะปรับตัวแตะระดับ 4.6% โดยไม่ได้ขึ้นแรงเพราะมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ช่วยซื้อเวลาได้ ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อไตรมาส 2 อยู่ที่ 10.74 ล้านล้านบาท เติบโต 0.2% QOQ และ 0.3% YOY ทั้งนี้ หลัก ๆ เป็นสินเชื่อซอฟต์โลนที่ปล่อยให้เอสเอ็มอีและสินเชื่อรายใหญ่ ส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อรถยนต์ยังเห็นการโตลดลง
“แบงก์ที่น่าจะมีกำไรเด่นสุดไม่นับ BAY ก็คือ KKP ที่น่าจะปรับตัวลดลงน้อยที่สุด ติดลบ 2% QOQ และบวก 21% YOY หลัก ๆ มาจากรายได้ธุรกิจโบรกเกอร์และธุรกิจวาณิชธนกิจที่มาช่วยรายได้ดอกเบี้ยที่แย่ลงได้” นายกรกชกล่าว
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังของธุรกิจธนาคารนายกรกชกล่าวว่า แนวโน้มกำไรน่าจะอยู่ในช่วงยากลำบาก โดยกำไรไตรมาส 3/2564 อาจจะลดลงจากไตรมาส 2/2564 เพราะส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่น่าจะยังปรับลดลงต่อ เพราะต้องช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มจากการล็อกดาวน์เข้มงวดขึ้นในพื้นที่สีแดงเข้ม และรายได้ค่าฟีที่ยังแย่กว่าเดิมเพราะบางห้างสรรพสินค้าปิด และสาขาแบงก์ในห้างดำเนินการไม่ได้เต็มที่ และต้องทยอยตั้งสำรองเพิ่มต่อเนื่องจากไตรมาส 2
ดังนั้นกำไรหุ้นแบงก์ครึ่งปีหลังอาจจะสู้กำไรครึ่งปีแรกไม่ได้ ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า
“ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทยคาดการณ์กำไรแบงก์ทั้งปีไว้ที่ 130,861 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่มีดาวน์ไซด์จากมาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สั่งแบงก์พักชำระหนี้ 2 เดือน ให้ลูกหนี้ในจังหวัดที่ถูกล็อกดาวน์ แต่คงไม่เกิน 5% ของกำไรแบงก์ หรือจะลดลงราว 6,000-7,000 ล้านบาทจากประมาณการ” นายกรกชกล่าว
ขณะที่นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไตรมาส 2 คาดการณ์กำไรแบงก์ 8 แห่ง รวมกำไร บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) (แต่ไม่รวม LHFG, CIMBT) จะอยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ถ้าไม่นับกำไรพิเศษ BAY จะมีกำไรจริงเพิ่มขึ้น 30% YOY แต่หดตัว -15% QOQ โดยคาดการณ์กำไรของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่ 9,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 340% YOY จากปัจจัยการตั้งสำรองหนี้ปรับตัวลดลงกว่า 50% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หดตัว -10% QOQ
ส่วนภาพรวม NIM คาดอ่อนตัวลงจากผลกระทบการปรับลดดอกเบี้ยปีที่แล้วจะส่งผลกระทบเต็มปีในปีนี้ และหนี้เสียเป็นทิศทางขาขึ้น คาดหดตัว -0.05% จากไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 2.73% ซึ่งเทรนด์ลดลงต่อเนื่องถึงปีหน้าถ้าแบงก์ชาติไม่ประกาศต่ออายุการนำส่งเงินค่าธรรมเนียมให้เงินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF)
ด้านรายได้ค่าฟีประเมินอยู่ที่ 52,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YOY แต่หดตัว -9% QOQ ส่วนการตั้งสำรองไตรมาส 2 อยู่ที่ 51,000 ล้านบาท ลดลง -29% YOY แต่เพิ่มขึ้น 6.25% QOQ ซึ่งผ่านจุดพีกไปแล้วช่วงไตรมาส 2/2563 ที่สูงกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท ด้านเอ็นพีแอลไตรมาส 2 ปรับเพิ่มขึ้น 3% QOQ และ 5% YOY ซึ่งไม่สูงเพราะอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างหนี้
“ไตรมาส 2 กำไรแบงก์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 3-5% ช่วงสั้น ๆ จะมีแรงเก็งกำไร แต่ต้องดูมาตรการช่วยเหลือที่เกิดขึ้นและเอ็นพีแอลว่าเทรนด์ครึ่งปีหลังเป็นอย่างไร ถ้ามองระยะกลางถึงยาวน่าจะทยอยสะสมหรือซื้อเมื่ออ่อนตัวเพราะจีดีพีค่อย ๆ ฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 กำไรแบงก์ฟื้นตัวเต็มปีนี้และปีหน้าเติบโต ซึ่งเป็นกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลดี และถ้าแบงก์จัดการได้ดีในช่วงไตรมาส 4/2564 ก็มีโอกาสที่ ธปท.จะเปิดให้แบงก์จ่ายปันผลสูงขึ้นได้เทียบปีที่แล้ว” นายธนเดชกล่าว
ทั้งนี้ บล.ยูโอบีฯแนะนำซื้อหุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) ราคาเป้าหมาย 149 บาท, KBANK ราคาเป้าหมาย 162 บาท, KKP ราคาเป้าหมาย 67 บาท และธนาคารทิสโก้ (TISCO) ราคาเป้าหมาย 105 บาท

Related Keywords

Thana ,Maharashtra ,India ,Thailand ,Toronto ,Ontario ,Canada , ,Business The Bank Mr ,Securities Plck Thailand ,Bank Thailand ,Bank Si ,Research Plck Thailand ,Thailanda Bank ,Bank National ,Alcoa ,Bankk Thailand ,Department Mall ,Bank Recovery ,Toronto Lange ,Business Constitution ,Hall Bank ,Constitution Det ,Thana Non ,Sir Kay ,தானா ,மகாராஷ்டிரா ,இந்தியா ,தாய்லாந்து ,டொராண்டோ ,ஆஂடேரியொ ,கனடா ,வங்கி தாய்லாந்து ,வங்கி தேசிய ,அல்கோவா ,வங்கி மீட்பு ,வணிக அரசியலமைப்பு ,அனைத்தும் வங்கி ,ஐயா காய் ,

© 2025 Vimarsana

vimarsana.com © 2020. All Rights Reserved.