เมื่อพิจารณาถึงรากของปัญหา โดยปกติ คนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ไม่มีทางที่จะทำสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ 100% ได้มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกัน และก็โดยทั่วไปที่คนเราย่อมต้องมีความพลาดพลั้ง หรือได้ทำในสิ่งที่ผิดพลาดลงไปในอดีต แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาก็คือว่า คนเรามักจะเอาความพลาดพลั้งจากการที่ไม่ถึงเป้าหมายในเชิงรูปธรรมที่วัดได้ หรือเอาความพลาดพลั้งในอดีตที่ตนได้ทำลงไปนั้น มาสร้างความรู้สึกผิดขึ้นในใจตนเอง ตรงนี้ซิคือประเด็น!!
ภาวะดังกล่าวคือ ความรู้สึกผิด คิดว่าตนคือต้นเหตุของปัญหา มันเป็นภาวะที่เห็นตนเองติดลบ เห็นว่าตนเองใช้ไม่ได้ รู้สึกว่าตนไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่อง คิดไปว่าตนขาดประสิทธิภาพ ด้อยกว่าคนอื่น หรือด้อยกว่าที่ตนคิด หรือเกิดความสงสัยว่าทำไมจึงต่ำกว่ามาตรฐาน ตนน่าจะทำได้ดีกว่านี้ หรือตีความว่าทำไมแค่นี้ถึงคิดไม่ออก ทำไม่สำเร็จ โดยรวมก็คือ ตนไม่เห็นคุณค่าตนเอง
เมื่อเห็นตนเองไร้ค่า จึงเกิดความสงสัยในตนเอง ขาดความเชื่อมั่น ทำให้ภายในอ่อนแอ เปราะบาง ขาดความมั่นคง ขาดภูมิต้านทาน อ่อนไหวไปตามกระแสหรือสิ่งที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะเวลาที่มีแรงกดดันจากภายนอก แต่ด้วยความที่เป็นคนที่มีความคาดหวังสูง จึงรับไม่ได้ จึงเกิดความขัดแย้งภายใน กลายเป็นแรงกดดัน มากๆ เข้าก็เลยคิดมาก วิตกจริต กดดันตนเอง หงุดหงิดง่าย เจ้าอารมณ์ ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วชอบเหวี่ยงใส่คนอื่น ซึมเศร้า และในบางกรณีกลับมาทำร้ายตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะตนไปเอาความพลาดพลั้งในอดีตมาทำร้ายตัวตนของตนเองอย่างเข้าใจผิด ปัญหาของบุคคลจึงเป็นเรื่องของ “ความเข้าใจผิดต่อความรู้สึกผิด” ตรงนี้แหละที่เป็นประเด็น ที่เอาความเข้าใจผิดต่อความรู้สึกผิดมาทำร้ายตนเอง มาทำลายคุณค่าตนเอง
เมื่อมีความพลาดพลั้งเกิดขึ้น และหากบุคคลใดมีกรอบความคิดว่าความพลาดพลั้งคือความผิดแล้ว ความรู้สึกดังกล่าวมันจะเข้ามาโจมตีที่ตัวตนของบุคคลคนนั้น และสร้างความรู้สึกผิดขึ้นในใจ ความรู้สึกผิดนี้เองที่จะบั่นทอนความเชื่อมั่นในตนเอง สร้างความหวั่นไหวขึ้นภายใน บุคคลที่ไม่สามารถก้าวข้ามพ้นความรู้สึกผิดนี้ไปได้ จึงไม่สามารถขับศักยภาพภายในตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องเสียหายที่เกิดจากความเข้าใจผิดต่อความพลาดพลั้ง และนี่คือสาเหตุหลักที่คอยฉุดรั้งศักยภาพของบุคคลให้ถดถอย ไม่สามารถนำตนเองได้อย่างน่าเสียดาย และเป็นรากของปัญหาในทุกความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ดังนั้น ความสามารถในการปลดปล่อยศักยภาพจึงมาจากการที่ตนเห็นตนเองเป็นใคร อย่างไร
เมื่อพิจารณาถึงทางออกของปัญหาในประเด็นความรู้สึกผิดต่อตนเองนี้ เราพบว่าทุกการแสดงออกมาจากกรอบความคิด (หรือภาพในใจ) หรือ Mindset กรอบความคิดคือตัวตน ตัวตนต้องการคุณค่าและความหมาย คนเราผ่านมาทั้งเรื่องบวกและลบมากมายทั้งชีวิต ในส่วนที่เป็นลบนั้น มันคือความรู้สึกผิดต่อตนเอง แต่นั่นมิใช่ปัญหา ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเราไปรับรู้และเข้าใจมันผิด ดังนั้น บุคคลที่อยู่ในภาวะถดถอยนั้นเป็นเพราะว่า ตนยังเข้าใจผิดต่อความรู้สึกผิดที่มีต่อตนเอง
เราจึงควรมาทำความเข้าใจกับตัวตนของตนเองเสียใหม่ โดยย้อนกลับเข้ามาภายในเพื่อทำความเข้าใจตนอง ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริง มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ห้ามปฏิเสธ หากเรายอมรับมัน นั่นเท่ากับว่าเรายอมรับตนเอง มันเป็นการเข้าใจตนเอง ให้อภัยตนเอง มันคือการเห็นคุณค่าตนเอง ภาวะนี้เท่านั้นที่บุคคลจะสามารถก้าวข้ามพ้นภาวะติดลบภายในใจไปได้ ภายในบุคคลจึงเข้มแข็ง เกิดความเชื่อมั่นและมีความมั่นคงภายใน ความมั่นคงภายในนี้เองจะเป็นก้าวสำคัญที่บุคคลจะเริ่มปรับฟื้นคืนสภาพตนเองให้กลับมาได้ การเห็นคุณค่าตนเองจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่การสร้างการนำตนเองเชิงรุกได้อย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้องในอดีต
Related Keywords